เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายเวลาที่ปวดหัวไมเกรน
นายมานิต คาวีวงศ์
นักวิชาการวิทยาศาสตร์ศึกษา
ไม่ว่าใครก็คงเคยเจ็บป่วยด้วยอาการปวดศีรษะข้างเดียวหรือที่เรียกกันว่า ปวดไมเกรน ซึ่งมักจะสร้างความเจ็บปวดรำคาญได้มาก โรคไมเกรนหรือโรคปวดหัวข้างเดียว เป็นความผิดปกติทางประสาทเรื้อรังอย่างหนึ่ง ลักษณะเด่นคือ ปวดศีรษะปานกลางถึงรุนแรงเป็นซ้ำ มักสัมพันธ์กับอาการทางระบบประสาทอิสระจำนวนหนึ่ง
โรคปวดหัวข้างเดียว หรือไมเกรน (Migraine) เป็นโรคปวดศีรษะเรื้อรังที่สร้างความทุกข์ทรมาน และส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย เกิดอะไรขึ้นในสมองของคนเราเวลาที่เกิดโรคชนิดนี้
อย่างแรก จะเกิดการหลั่งของสารเคมีในสมองส่วนกลาง ทำให้เกิดปัญหาที่ระบบประสาทที่หนังศีรษะ ซึ่งทำให้เกิดอาการเจ็บและปวดศีรษะ ต่อมาจะเกิดคลื่นไมเกรนที่เรียกว่า (cortical spreading depression -CSD) ซึ่งคล้ายกระแสไฟฟ้าที่ถูกส่งไปทั่วสมอง และทำให้เกิดอาการนำของไมเกรนที่เรียกว่า “ออรา” (aura)
เชื่อว่า ไมเกรนมีสาเหตุจากปัจจัยสิ่งแวดล้อมและพันธุกรรมผสมกัน
อาการนำ คือ อาการที่เกิดนำก่อนการปวดหัวไมเกรน ซึ่งเป็นอาการทางระบบประสาท ที่แบ่งออกเป็นอาการทางสายตา และไม่ใช่ทางสายตา
อาการทางสายตา อาจทำให้เห็นแสงสว่างหรือดาวระยิบระยับ ตาพร่า ตาลาย หรือแม้แต่สูญเสีย การมองเห็นชั่วขณะ
อาการนำทางประสาทความรู้สึก เช่น เกิดอาการคัน ชา ซ่า หรือแสบร้อนตามแขนขา หรือรู้สึกวิงเวียนศีรษะ ตามด้วยอาการคลื่นไส้ หรือทำให้อาเจียนได้
ไมเกรนต่างจากปวดหัวธรรมดาอย่างไร
ข้อมูลจากเว็บไซต์คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
มหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายเรื่องนี้ว่าการปวดศีรษะธรรมดามักจะปวดทั่วทั้งศีรษะ
ส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง แต่ไมเกรน มักจะปวดตุบ ๆ เป็นระยะ
และมีอาการปวดปานกลางถึงรุนแรงมาก โดยพบในผู้หญิงบ่อยกว่าผู้ชาย
และส่วนมากมักเป็นการปวดหัวข้างเดียว
หรือเริ่มปวดข้างเดียวก่อนแล้วจึงปวดทั้งสองข้าง
แต่ละครั้งที่ปวดมักจะย้ายข้างไปมาหรือย้ายตำแหน่งได้ แต่บางครั้ง ก็อาจจะปวดทั้งสองข้างขึ้นมาพร้อมกันตั้งแต่แรก
วิธีรักษา
ได้แก่ การบรรเทาอาการปวดศีรษะ ซึ่งอาจไม่จำเป็นต้องใช้ยาเสมอไป แต่ใช้การนวด การกดจุด การประคบเย็น การประคบร้อน หรือการนอนหลับ แต่ในรายที่ไม่ได้ผลหรืออาการปวดรุนแรงนั้นจำเป็น ที่จะต้องใช้ยาแก้ปวด
ส่วนการป้องกันไม่ให้เกิด หรือลดความถี่และความรุนแรงของอาการปวดศีรษะนั้น มีอยู่ 2 วิธี คือ
1. การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และคลายเครียดอย่างเหมาะสม 2. กินยาป้องกันไมเกรน โดยแพทย์จะแนะนำให้กินยาป้องกันเมื่อผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะบ่อย เช่น สัปดาห์ละ 1 – 2 ครั้งขึ้นไป หรือมีอาการปวดรุนแรงมากหรือนานต่อเนื่องกันหลายวัน
แหล่งที่มา