วันอังคาร, เมษายน 16, 2024
ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาพระนครศรีอยุธยา
ความรู้ทั่วไปบทความ

ทำไมการเว้นระยะห่างทางสังคมจึงสกัดการระบาดของโรคได้ ?

ประภัสสร รอดรัตน์
นักวิชาการวิทยาศาสตร์ศึกษา

       “การเว้นระยะห่างทางสังคมหมายถึงการป้องกันไม่ให้คนสองคนขึ้นไปมีปฏิสัมพันธ์กันทางกายภาพอย่างใกล้ชิดเพื่อยับยั้งหรือหยุดการระบาดของโรค” อรินดัม พสุ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำภาควิชาระบาดวิทยาและอนามัยสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยแคนเทอร์เบอร์รี นิวซีแลนด์ อธิบาย งานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่าช่วงปี 1918 บรรดาเมืองต่าง ๆ ในอเมริกาที่นำมาตรการดังกล่าวมาใช้ เช่น ห้ามชุมนุมในที่สาธารณะปิดโรงภาพยนตร์ สถานศึกษา และโบสถ์ มีตัวเลขผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดสเปนน้อยกว่าอย่างมาก

       ผ่านไปกว่าหนึ่งศตวรรษ มนุษยชาติต้องเผชิญหน้ากับการระบาดครั้งใหญ่ของโรคโควิด-19 จากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ แม้ว่าสิ่งที่แตกต่างไปจากในอดีต เช่น ประชากรโลกที่มากกว่าถึง 6,000 ล้านคน การเว้นระยะห่างทางสังคมยังคงเป็นหนึ่งในวิธีต่อสู้กับโรคระบาดที่ดีที่สุดอยู่เช่นเดิม “ขณะนี้เรายังไม่มีวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ แถมเราก็ยังไม่ทราบด้วยว่ายาขนานใดจะสามารถขจัดโรคโควิด-19ให้หายขาดได้ด้วย” พสุกล่าว “เพราะฉะนั้น ทางที่ดีที่สุดก็คือการป้องกัน” หลายประเทศทั่วโลกกำลังบังคับใช้มาตรการดังกล่าวเพื่อชะลอการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาด้วยการสั่งห้ามมิให้ประชาชนรวมกลุ่มกันปิดพื้นที่สาธารณะ ร้านค้า บาร์ และสถานศึกษา บางแห่งปิดเมืองทั้งหมดและให้ผู้คนอยู่แต่ภายในบ้านเท่านั้น

       การเว้นระยะห่างทางสังคมนั้นแตกต่างจาก “การกักกันตัวเอง” (self-isolation) และ กักโรค (quarantine) ที่เหมาะสำหรับใช้ป้องกันผู้ป่วยหรือกลุ่มเสี่ยงที่เคยใกล้ชิดกับบุคคลเหล่านั้นไปแพร่เชื้อแก่ผู้อื่น เพราะการเว้นระยะห่างทางสังคมต้องการหยุดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างในหมู่ประชากรนั่นเอง

       ทั้งนี้ นักระบาดวิทยาประเมินว่า ไวรัสโคโรนาครั้งนี้มีอัตราการติดเชื้อ (reproduction number) ประมาณ 1.4 – 3.9 หมายความว่า ผู้ป่วยโรคโควิด-19 หนึ่งรายส่งต่อเชื้อสู่ผู้อื่นได้ประมาณ 2 – 3 คน นั่นเอง ซึ่งนับว่าสูงกว่าไข้หวัดสเปนที่ 1.8 และไข้หวัดใหญ่ที่ 1.06 – 3.4

       ระยะเวลาที่น่ากังวล คือ ช่วงไวรัสฟักตัว (incubation period) ประมาณ 5 – 14 วัน ที่แม้ว่าร่างกายจะไม่แสดงอาการป่วยใด ๆ ให้เห็นชัดเจนแต่ก็สามารถแพร่เชื้อสู่คนอื่นได้หากยังสัมผัสและติดต่อกันใกล้ชิด ภายในหนึ่งเดือน จำนวนผู้ป่วยคนเดียวอาจเพิ่มขึ้นเป็น 244 คน และ 59,604 คน ภายในสองเดือน

       งานวิจัยที่ศึกษาการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน พบว่า การอยู่บ้านและรักษาระยะห่างทางสังคมช่วยชะลอการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องข้างต้นได้จริง โดยตัวเลขอัตราการติดเชื้อจาก 2.35 ลงลดจนเกือบถึง 1 นั่นหมายความว่า ผู้ป่วยหนึ่งคนแพร่เชื้อต่อให้คนเดียวเท่านั้นเองยิ่งใช้มาตรการนี้กับศูนย์กลางการระบาดได้เร็วเท่าไหร่ อัตราการแพร่เชื้อก็น้อยลงเท่านั้น นอกจากนี้ ระยะห่างทางสังคมยังช่วยยับยั้งไม่ให้ตัวเลขผู้ป่วยสูงเกินขีดจำกัดที่โรงพยาบาลจะรับไหวในคราวเดียวอีกด้วย หรือที่เรียกกันว่า “ลดระดับความชันของเส้นโค้ง” (flatten the curve) นั่นเอง

       ในอังกฤษ นักวิทยาศาสตร์จากอิมพีเรียลคอลเลจลอนดอน เสนอทางสู้กับการระบาดของไวรัสโคโรนาไว้ 2 ประการ คือ 1. การบรรเทาความเสียหาย โดยให้บุคคลกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ แยกตัวเองออกแล้วกักโรคผู้ป่วยที่มีอาการ 2. การยับยั้ง โดยให้ประชาชนทุกคนรักษาระยะห่างทางสังคม ส่วนผู้ป่วยและครอบครัวก็กักตัวที่บ้าน งานวิจัยยังระบุอีกด้วยว่า หากอังกฤษไม่ทำอะไรเลย อาจมีประชาชนกว่า 510,000 คน ที่ต้องเสียชีวิตจากโรคนี้ ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตในอเมริกาอาจมากถึง 2.2 ล้านราย และแม้จะนำวิธีการแรกมาบังคับใช้ ก็จะมีผู้เสียชีวิตหลักพันและยังสร้างภาระงานให้ล้นระบบสาธารณสุขอีกหลายเท่าด้วย

       ทางด้านประเทศอิตาลี ปัจจัยด้านประชากรผู้สูงอายุจำนวนมาก ประกอบกับวัฒนธรรมที่สมาชิกหลายรุ่นในครอบครัวมักอาศัยอยู่ร่วมกัน ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 พุ่งสูงนั่นเอง สำหรับคนชราอายุมากกว่า 80 ปีขึ้นไป อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 14.8% แต่สำหรับคนอายุ 40 – 49 ตัวเลขอยู่ที่ 0.4% เท่านั้น

       อย่างไรก็ตาม การรักษาระยะห่างทางสังคมก็ช่วยลดความรุนแรงของสถานการณ์ลงเช่นกันโดยสังเกตได้จากมาตรการที่แตกต่างกันระหว่างสองเมืองในอิตาลีเมืองโลดิ มีผู้ติดเชื้อรายแรกเมื่อวันที่ 21 ก.พ. เพียงสองวันถัดมา ทางการสั่งจำกัดการเดินทาง ปิดสถานศึกษา งดจัดงานกีฬา และกิจกรรมต่าง ๆ ส่วนเมืองเบอร์กาโมพบผู้ติดเชื้อในวันที่ 23 ก.พ. แต่คำสั่งปิดเมืองเพิ่งถูกประกาศหลังเวลาล่วงเลยมากว่าสองสัปดาห์ ในวันที่ 7 มี.ค. ทั้งสองเมืองของอิตาลีนี้มีจำนวนผู้ติดเชื้อประมาณ 800 คน และมีคนชราอายุ 65 ปีขึ้นไปในจำนวนใกล้เคียงกัน ผ่านมา 7 วัน ตัวเลขของเบอร์กาโมกลับทวีคูณขึ้นเป็น 2,300 ราย แต่ด้านเมืองโลดิเพิ่มขึ้นน้อยกว่า คือ 1,100 ราย

        “แต่พอพิจารณาปัจจัยพื้นฐานที่เหมือนกัน รวมกับมาตรการแทรกแซงที่เข้มงวดของเมืองโลดิแล้วเรามองว่าประสิทธิผลของวิธีการดังกล่าวนั้นเป็นที่ประจักษ์อย่างมาก” ศาสตราจารย์ดาวน์จึงสรุปว่าการรักษาระยะห่างทางสังคมนั้นให้ผลดี แม้การห่างไกลจากเพื่อน ๆ และครอบครัวจะไม่ใช่เรื่องง่ายดาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาแห่งการระบาดครั้งใหญ่ของเชื้อไวรัส เนื่องจากในระยะยาวแล้วอาจก่อให้เกิดโรคหัวใจ ซึมเศร้า และสูญเสียความทรงจำ

       แต่การรักษาระยะห่างทางสังคมไม่ได้หมายรวมถึงการตัดขาดการติดต่อสื่อสารทุกช่องทาง แตกต่างจากในปี 1918 เทคโนโลยียุคปัจจุบันมอบสื่อสังคมออนไลน์ การพูดคุยผ่านแอปพลิเคชัน และโทรศัพท์เห็นหน้าค่าตากันทางวิดีโอ ดังนั้นเพื่อให้คนที่เรารักปลอดภัย การห่างไกลกันเพียงทางกายก็อาจคุ้มค่า

แหล่งที่มา : https://www.bbc.com/thai/international-52043102

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

เว็บสล็อตออนไลน์