ไมเกรนในผู้สูงอายุ
นายอนุกูล เมฆสุทัศน์
นักวิชาการวิทยาศาสตร์ศึกษา
- เมื่ออายุมากขึ้น การปวดศีรษะไมเกรนจะลดน้อยลง เนื่องมาจากภาวะฮอร์โมนในร่างกายบางอย่างลดลง แต่ก็ยังพบการปวดศีรษะไมเกรนได้ใน ผู้สูงอายุ
- การวินิจฉัยและรักษาอาการไมเกรนในผู้สูงอายุมีความซับซ้อน เนื่องจากผู้สูงอายุอาจมีโรคประจำตัวอื่น ๆ ที่ต้องใช้ยารับประทานเป็นประจำ และยังต้องระวังการปวดศีรษะที่มาจากภาวะโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น การติดเชื้อในเยื่อหุ้มสมอง โรคมะเร็ง หรือ โรคหลอดเลือดสมองด้วย
โดยธรรมชาติแล้วเมื่ออายุมากขึ้น อุบัติการณ์ของการปวดศีรษะไมเกรนจะลดน้อยลง
อันเนื่องมาจากภาวะฮอร์โมนในร่างกายบางอย่างลดลง แต่ก็ยังพบการปวดศีรษะไมเกรนได้ในผู้สูงอายุ โดยความสำคัญของการวินิจฉัยและรักษานั้นค่อนข้างจะมีความซับซ้อน เนื่องจากผู้สูงอายุอาจมีโรคประจำตัวอื่น ๆ ที่ต้องใช้ยารับประทานเป็นประจำ และยังต้องระวังการปวดศีรษะที่มาจากภาวะโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น การติดเชื้อในเยื่อหุ้มสมอง
โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดสมอง
สาเหตุของไมเกรนในผู้สูงอายุ
ภาวะปวดศีรษะไมเกรน เกิดจากการส่งกระแสไฟฟ้าบริเวณผิวสมองผิดปกติ ส่งผลให้สมองไวต่อสิ่งกระตุ้น มากกว่าคนทั่วไป ซึ่งเมื่อสมองถูกกระตุ้นจะเกิดกระแสไฟฟ้าวิ่งไปตามผิวของสมอง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ของเส้นเลือดในสมอง อีกทั้งยังไปกระตุ้นเส้นประสาทสมองให้หลั่งสารสื่อประสาทบางชนิดที่ทำให้หลอดเลือดสมองขยายตัวและเกิดการอักเสบ จนเป็นผลทำให้ปวดศีรษะ
สิ่งกระตุ้นที่สามารถทำให้เกิดอาการปวดศีรษะไมเกรน ได้แก่ ความเครียด พักผ่อนน้อย การสูดกลิ่น หรือควัน แสงแดด อากาศร้อนหรือหนาวจัด รวมถึงอาหารบางชนิด เช่น ของหมักดอง ชีส และไวน์ ซึ่งผู้ป่วยควรสังเกต และพยายามหลีกเลี่ยง
นอกจากนี้หากไม่ได้รับการรักษาหรือเข้ารับการรักษาช้า สมองจะปรับระบบรับความเจ็บปวดในสมอง ทำให้อาการปวดศีรษะรุนแรงขึ้น และมีความถี่มากขึ้น จนในที่สุดจะไม่ตอบสนองต่อยาแก้ปวดอีกต่อไป
อาการปวดศีรษะไมเกรน
อาการปวดศีรษะจำเพาะของภาวะปวดศีรษะไมเกรน มีดังนี้
- ปวดศีรษะรุนแรงแบบตุ้บๆ คล้ายเส้นเลือดบีบตัว
- มักเกิดขึ้นข้างใดข้างหนึ่ง อาจย้ายข้างได้ หรือปวดทั้ง 2 ข้าง
- อาการปวดมักรุนแรงขึ้น เมื่อทำกิจกรรม เช่น การเดินหรือขึ้นบันได การก้มหรือเงยศีรษะ
- อาการปวดจะบรรเทาลง หากได้พักผ่อนอยู่นิ่งๆ ในห้องที่มืดและเย็น
- หากไม่ได้รับการรักษาหรือได้รับรักษาไม่ถูกวิธี จะปวดศีรษะอยู่นานถึง 4-72 ชั่วโมง
- อาการคลื่นไส้ หรืออาเจียน ร่วมกับภาวะปวดศีรษะรุนแรง
- การมองเห็นภาพบิดเบี้ยว เห็นภาพคล้ายเกล็ดน้ำแข็ง เห็นเป็นแสงวาบๆ (Flashing) เห็นแสงจ้า
- การได้รับกลิ่นบางอย่าง เช่น สี น้ำหอม จะเป็นตัวกระตุ้นการปวดศีรษะได้ง่าย
สัญญาณเตือน อาการปวดศีรษะที่ผู้สูงอายุควรพบแพทย์ทันที
- ปวดศีรษะแบบเฉียบพลันแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
- เริ่มปวดศีรษะรุนแรงครั้งแรกเมื่ออายุเกิน 50 ปี
- การปวดศีรษะมีความรุนแรงมากขึ้น และระยะเวลาการปวดนานขึ้น
- มีไข้ เวียนศีรษะ อาเจียน
- อาการปวดศีรษะไม่ทุเลาลง แม้จะรับประทานยาแก้ปวดแล้วก็ตาม
- รู้สึกอ่อนเพลีย แขนขาอ่อนแรง ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด ตาพร่ามัว
- อาการปวดศีรษะที่เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว เช่น โรคมะเร็ง เบาหวานอัมพฤกษ์ ความดันโลหิตสูง
โดยเมื่อพบว่ามีการปวดศีรษะตามอาการข้างต้นนี้ ควรรีบมาโรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์ เนื่องจากอาการปวดศีรษะเหล่านี้ อาจไม่ใช่การปวดจากไมเกรน อาจจะมีภาวะแทรกซ้อน
อื่น ๆ เช่น โรคติดเชื้อในเยื่อหุ้มสมอง หลอดเลือดสมองตีบหรือแตก(อัมพฤกษ์) เนื้องอกในสมอง ซึ่งล้วนแต่ต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์ร่วมกับการตรวจเพิ่มเติม เช่น การเจาะเลือด การนำน้ำไขสันหลังไปตรวจ การทำ CT Scan หรือ MRI เพื่อดูเนื้อสมองและหลอดเลือดในสมอง
การวินิจฉัยภาวะปวดศีรษะไมเกรน
แพทย์จะทำการตรวจร่างกายและซักประวัติถึงอาการปวดศีรษะ หากพบว่าผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะร่วมกับความผิดปกติทางสายตา รวมถึงมีประวัติครอบครัวมีภาวะไมเกรน หรือปวดศีรษะรุนแรงเรื้อรัง อาจส่งตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุความผิดปกติของเส้นเลือดในสมอง โดยเฉพาะเมื่อผู้ป่วย เริ่มมีอาการครั้งแรกเมื่อมีอายุมากขึ้น ซึ่งพบไม่บ่อยนัก อาจต้องพิจารณาหาสาเหตุเพิ่มเติม
การรักษาภาวะปวดศีรษะ ไมเกรน
การรักษาภาวะปวดศีรษะไมเกรน มี 2 จุดประสงค์หลัก ดังนี้
- การรักษาอาการปวดศีรษะแบบเฉียบพลัน ใช้เฉพาะเวลาที่มีอาการปวดศีรษะเท่านั้น โดยผลในการรักษาอาการปวดศีรษะที่ดีคือรับประทานยาหลังเริ่มมีอาการทันที เช่น พาราเซตามอล ยาลดการอักเสบที่ไม่ไช่ สเตียรอด์ (NSAIDs) รวมถึงยาที่ออกฤทธิ์บริเวณเส้นเลือดสมองโดยตรง เช่น ยากลุ่มทริปแทน (triptan) และยาที่มีส่วนผสมของเออโกทามีน (ergotamine)
2. การป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ ส่วนใหญ่ต้องรับประทานยาติดต่อกันทุกวัน เช่น
- กลุ่มยากันชัก
- กลุ่มยาลดความดันโลหิต
– กลุ่มยาปิดกั้นตัวรับแคลเซียม
– กลุ่มยาปิดกั้นตัวรับเบต้า - กลุ่มยาคลายความกังวล ความเครียด ที่รักษาโรคไมเกรนในบางกรณี
การป้องกันอาการ ไมเกรน ในผู้สูงอายุ
- ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์หลากหลาย เน้นอาหารกากใยสูง
- ออกกำลังกายเบาๆ ที่เหมาะสม หรือตามคำแนะนำของแพทย์
- ไม่ซื้อยาแก้ปวด หรือยารักษาอาการอื่นๆ มารับประทานเองโดยเด็ดขาด
- ปรึกษาแพทย์ทุกครั้งที่พบความผิดปกติของร่างกาย หรือมีอาการปวดศีรษะรุนแรง
ผู้สูงอายุมีอาการปวดศีรษะไมเกรนไม่บ่อยเท่าวัยหนุ่มสาว แต่ก็ยังถือว่าเป็นปัญหาที่พบได้พอสมควร อีกทั้งยังมีอาการแสดงออก ตลอดจนการรักษาที่ค่อนข้างซับซ้อนมากกว่า เนื่องจากผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักมีโรคประจำตัว อื่น ๆ ร่วมด้วย ดังนั้นหากสังเกตว่าอาการปวดศีรษะมีความรุนแรง หรือส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างถูกวิธี โดยไม่ซื้อยามารับประทานเองเด็ดขาด